วิบากกรรมของหมอดูอยากดัง เมื่อหมอ (ดู) ตายเพราะปาก
โดย ASTVผู้จัดการรายวัน 12 พฤษภาคม 2553 22:45 น.






หลังจากขึ้นโรงขึ้นศาลมาพักหนึ่ง สุดท้าย ศุกฤษฎ์ ปทุมศรีวิโรจน์ หรือหมอกฤษฎ์ คอนเฟิร์ม หมอดูหนุ่มชื่อดังก็ถูก ศาลอาญาพิพากษาลงโทษจำคุก 8 เดือน ปรับเงินอีก 100,000 บาท แต่เนื่องจากจำเลยให้การเป็นประโยชน์ จึงลดโทษให้เหลือ จำคุก 6 เดือน และปรับเงิน 75,000 บาท โดยโทษจำคุกนั้นได้มีการรอลงอาญาไว้ก่อน
       
       ทั้งนี้เนื่องมาจากหมอกฤษฎ์ คอนเฟิร์ม ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการทีวีรายการหนึ่งว่า ตามดวงชะตาของลีเดีย (ศรัณย์รัชต์ วิสุทธิธาดา) มีเกณฑ์ตั้งครรภ์ นั่นทำให้ลีเดียไม่รีรอที่จะฟ้องหมอกฤษฎ์ในข้อหาหมิ่นประมาทผู้อื่นด้วยการโฆษณา และเมื่อผลการพิพากษาออกมา หมอกฤษฎ์ ก็ได้แต่บอกสั้นๆ ว่า ตนพร้อมจะยื่นอุทธรณ์เพื่อสู้คดีในชั้นต่อไป
       
       ถึงวินาทีนี้ใครๆ ก็รู้ว่าหมอกฤษฎ์ ปากกล้า กำลังตกที่นั่งลำบากอยู่แน่ๆ โดยที่ไม่ต้องรอให้ใครหน้าไหนมา คอนเฟิร์ม
       
       และเมื่อถอยออกมามองปรากฏการณ์เรื่อง ‘หมอกฤษฎ์กับลีเดีย’ ห่างๆ ก็มีสองประเด็นใหญ่ๆ ที่ทับซ้อนกันอยู่ อย่างแรกก็คือขอบเขตของการทำนายทายทักของหมอดูว่าอะไรควรพูด อะไรไม่ควรพูด (สรุปเป็นคำสั้นๆ ได้ว่า 'จรรยาบรรณ') และความอยากเด่นอยากดังของตัวหมอดูเอง ที่ชักจูงให้หมอดูต้องออกมาพูดจาเอามันเข้าไว้เพื่อที่จะได้กลายเป็นคนเด่นคนดังสมใจ
       
       เมื่อคนดูดวงอยากจะไปเป็นดาว
       
       “สมัยก่อนนั้น กว่าจะได้เป็นนักโหราศาสตร์นี่ยากมาก เพราะต้องมีคนรับรอง มีความแม่นยำ และเขาก็จะไม่ยกตัวเองเป็นโหร คนที่เป็นโหรนี่จะมีก็อยู่แต่ในวังเท่านั้น และนักพยากรณ์ทุกคนก็จะมีจรรยาบรรณในการทำนายมาก คำทำนายของใครก็ตาม ถือเป็นความลับทั้งหมด จะไม่มีการเที่ยวเอามาป่าวประกาศ โหรสมัยก่อน ถ้าจะมีการตีพิมพ์คำทำนายลงในหนังสือพิมพ์ เขาจะต้องขออนุญาตเจ้าของดวงก่อน และเผยแพร่เฉพาะด้านที่ดีหรือด้านที่เป็นมงคลกับคนคนนั้น จะไม่เอาเรื่องส่วนตัวมาทาย”
       
       ที่กล่าวมาทั้งหมดคือจรรยาบรรณของหมอดูรุ่นก่อน ที่ออกมาจากปากของหมอไพศาล ซอยพิบูลเวศม์ หมอดูชื่อดังที่มีประสบการณ์ในวงการทำนายมากว่า 40 ปี
       
       “ในสมัยก่อน หมอดูนั้นมีไม่มาก การดูดวงแบบมีการผูกดวงนั้น เป็นที่นิยมในหมู่คนทั่วไปก็สัก 40 ปีที่ผ่านมานี่เอง เพราะเมื่อก่อนนั้นคนไทยทั่วไปไม่ได้มีการผูกดวงกัน จะมีก็แต่ลูกเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินและลูกหลานคหบดีเท่านั้นที่มีการผูกดวงเวลาเกิด การดูดวงในสมัยก่อนหน้านั้นจึงนิยมการดูลายมือเป็นส่วนมาก แต่พอมาในสมัยนี้ หมอดูนั้นหาง่าย ใครมีความรู้นิดๆ หน่อยๆ ก็เรียกตัวเองว่าเป็นหมอดูกันหมด”
       
       ในสมัยก่อน หมอดูที่ขึ้นชื่อว่ามีฝีมือ ก็จะมีลูกค้าแน่นเอี้ยด และแน่นอนว่าในบรรดาลูกค้าเหล่านั้น ก็จะมีดาราและคนดังแวะเวียนมาด้วยส่วนหนึ่ง ซึ่งถ้ามองย้อนหลังกลับไป สถานที่ที่รวมหมอดูเก่งๆ ไว้ด้วยกัน และเป็นที่ที่คนดังและดาราเดินทางไปหาหมอดูนั้น ก็คงจะหนีไม่พ้น ‘ระเบียงโหร’ ของโรงแรมมณเฑียร
       
       “ที่ระเบียงโหรนั้น คุณบุญเนตร ตันตระกิจ (เจ้าของโรงแรมมณเฑียร) ซึ่งชื่นชอบโหราศาสตร์ เป็นคนไปเสาะหาหมอดูมานั่งที่ระเบียงโหร จนทำให้ที่นั่นมีชื่อเสียงขึ้นมา อย่างน้อยๆ ก็ 15 ปีผ่านมาแล้ว ผมก็เคยไปช่วยที่นั่นอยู่บ้าง ในช่วงวันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ ซึ่งธรรมเนียมการดูดวงของที่นั่น ก็จะไม่ถามชื่อ ไม่ขอนามบัตร ซึ่งกับบางคนเราก็รู้ว่าเขาเป็นใคร เพราะเราจำหน้าได้ แต่เราก็ไม่เคยไปเปิดเผยคำทำนายของคนที่มาดู แม้นักข่าวเข้ามาถามถึงดวงคนที่มาดูกับเรา เราก็ไม่บอกเด็ดขาด ถึงขนาดที่ดูให้สามีเรายังเอาดวงของสามีไปบอกภรรยาไม่ได้เลย
       
       “หมอดูเขาถือกันมาก เขาไม่บอกคนอื่นหรอกว่าคนที่ดูเมื่อกี้เป็นใครหรือทำอาชีพอะไร และจะไม่รับนามบัตรของคนที่มาดูด้วย นอกจากหมอดูที่โฆษณาตนเอง ก็จะขอนามบัตรไว้ แล้วก็จะเอาไปโชว์ว่าเคยดูคนนั้นคนนู้นมาแล้ว บางทีก็ถ่ายรูปคู่กับคนที่มาดูติดไว้เต็มห้องเลย”
       
       แต่สุดท้ายแล้วทุกวงการก็มักจะมีแกะดำอยู่เสมอ นั่นทำให้หมอดูที่อยากมีชื่อเสียงทางลัด ต้องทำลายกรอบจรรยาบรรณของหมอดูอย่างไม่ไยดี
       
       “ชื่อเสียงของหมอดูนั้น มันบอกต่อกันปากต่อปากว่ามีคนไปดูมาแล้วแม่น อยู่บ้านเฉยๆ ก็มีคนมาหา อยากมาดูด้วย แต่สำหรับหมอดูที่อยากดังเร็วๆ เขาก็ตัดสินใจลงทุนเพื่อโปรโมตตัวเอง ทำการตลาด ตัวอย่างที่เห็นกันมากก็คือการเข้ามาในวงการบันเทิง ทำนายให้กับดารา ซึ่งเริ่มต้นจากการทายฟรีก่อน ทีนี้ นักข่าวจากหนังสือดาราที่มีมากมาย ก็อาศัยหมอดูเป็นแหล่งข่าว จนมันกลายเป็นแฟชั่น ซึ่งปรากฏการณ์นี้มันเพิ่งมามีแค่ 6 – 7 ปีที่ผ่านมาเองนะ แล้วมันก็ทำให้ดารานั้นเสียหาย ช่วงนี้หมอดูเลวๆ ก็เกิดขึ้นมาเยอะและหมอดูเหล่านี้ทำให้วงการโหราศาสตร์นั้นเสื่อมลงๆ”
       
       และนับแต่นั้นเป็นต้นมา เราก็มีหมอดูพันทางที่เป็นลูกครึ่งระหว่างนักพยากรณ์กับดาราออกมาเพ่นพ่านในวงการบันเทิง และคนเหล่านี้ก็ยินดีที่จะทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะให้ตัวเอง 'ดัง'
       
       บทเรียนสำคัญของ 'หมอดูอยากดัง'
       
       
ความอยากดังของหมอดูบางคนส่งผลให้เขาเหล่านั้น ต้องทำตัวหมิ่นเหม่กับจรรยาบรรณที่หมอดูรุ่นก่อนยึดถือกันมา แต่สุดท้ายการพูดจาโผงผางและไม่ระมัดระวังก็ย้อนกลับมาทำร้ายตัวเอง
       
       “คำพิพากษาของศาลในกรณีหมอกฤษฎ์ ผมถือว่าเป็นบทเรียนสำคัญ เป็นเครื่องสอนใจให้กับหมอดูคนอื่นๆ ได้ตระหนักว่าอาชีพหมอดูหรือโหรที่คอยทำนายดวงชะตาของผู้อื่นนั้น ควรจะทำหน้าที่ของตนเองอย่างรับผิดชอบ มีมารยาท มีจรรยาบรรณ”
       
       ธนกร สินเกษม นายกสมาคมโหราศาสตร์แห่งประเทศไทย เอ่ยถึงบทเรียนที่สังคมได้รับจากคำพิพากษาของศาลในคดีหมอกฤษฎ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เป็นคำพิพากษาที่ทำให้ผู้ซึ่งเรียกตนเองว่า 'หมอดู' คำนึงถึงการเคารพสิทธิของผู้อื่น ไม่ก้าวล่วงต่อ 'ดวงชะตา' ของใครต่อใครโดยไม่ได้รับอนุญาต แล้วนำมาเผยแพร่ต่อสาธารณะอย่างเสียหาย
       
       “หมอดูเป็นอาชีพที่ต้องมีจรรยาบรรณ ไม่ต่างกับอาชีพอื่นๆ ไม่ต่างจากแพทย์ หรือสื่อมวลชน ที่ก็ต้องมีจรรยาบรรณ เคารพวิชาชีพของตนเอง ซึ่งจรรยาบรรณของหมอดูนั้น ก็คือมารยาท คือการเคารพต่อสิทธิของผู้อื่น ไม่นำดวงชะตาของใครก็ตามมาเผยแพร่ในที่สาธารณะ เพราะสำหรับหมอดูแล้ว ข้อมูลของลูกค้าถือเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรเผยแพร่ออกไป ต้องเก็บรักษาไว้เป็นความลับ หรือแม้แต่ดวงชะตาของใครก็ตาม ไม่ควรและไม่เหมาะสมอย่างยิ่งที่เราจะไปดูโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าตัวแล้วนำมาเผยแพร่ ทำให้บุคคลคนนั้นได้รับความเสียหาย”
       
       และเพราะยึดถือในจรรยาบรรณและการเคารพสิทธิผู้อื่นเป็นอย่างยิ่ง นายกสมาคมโหราศาสตร์แห่งประเทศไทยจึงยืนยันว่า หากสมาคมโหรฯ พบว่า ผู้ใดนำดวงชะตาผู้อื่นมาใช้หาผลประโยชน์และทำให้คนผู้นั้นเสื่อมเสีย ก็จะถูกเชิญออกจากสมาคม ไม่ถือว่าเป็นนักโหราศาสตร์ของสมาคมอีกต่อไป
       
       เพราะถึงที่สุดแล้ว แม้แต่คำว่า 'ยึดมั่นในหลักวิชาโหราศาสตร์' ก็ยังไม่สำคัญเท่าการเคารพสิทธิผู้อื่น
       
       “การที่หมอกฤษฎ์บอกว่า เขาทำนายไปตามหลักวิชาของโหรนั้น ผมก็ขอแสดงความเห็นว่า หลักวิชาใดๆ ก็ตาม หากยึดมั่นหรือทำนายไปตามหลักใดๆ ที่คุณว่า แล้วสร้างความเสียหาย สร้างความเสื่อมเสียให้แก่ผู้อื่น ก็ไม่สมควรทำ เพราะถือเป็นการละเมิดสิทธิของเขา การนำเอาความทุกข์ของคนอื่นมาทำให้เราเด่นดัง เป็นสิ่งที่ไม่สมควรทำอย่างยิ่ง”
       
       ไม่ใช่แต่เฉพาะแง่มุมของจรรยาบรรณเท่านั้นที่ถูกล่วงละเมิด แต่การทำนายเอามันของหมอดูอยากดังนั้น บางครั้ง ก็ไปละเมิดแง่มุมด้านกฎหมายด้วย
       
       ประมาณ เลืองวัฒนะวณิช ทนายความชื่อดัง และ ประธานบริหารบริษัท อาณาจักรกฎหมาย จำกัด เล่าย้อนให้ฟังว่า เมื่อมีข่าวกอสซิปในแง่ลบของดาราหรือคนดัง แล้วสื่อให้หมอดูทำนายทายทักว่าดาราคนนั้นคนนี้ประพฤติตัวเหลวแหลกหรือเป็นคนไม่ดีไม่งามเหมือนดังที่ข่าวว่าไว้หรือไม่ เพื่อเอาคำทำนายของหมอดูไปเผยแพร่ผ่านสื่อ โดยที่คนดังไม่อนุญาตให้สื่อนำดวงไปให้หมอดูทำนาย หากมีการฟ้องร้องขึ้นโรงขึ้นศาล นอกจากหมอดูจะผิดข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา สื่อที่นำเสนอคำทำนายดังกล่าวของหมอดูก็ผิดข้อหาหมิ่นประมาทฯ ด้วยเช่นกัน เพราะทำการเผยแพร่หรือนำเสนอคำพูดที่มีลักษณะหมิ่นประมาท
       
       ทนายความชื่อดังมองว่าคดีนี้ส่งผลสะเทือนต่อวงการหมอดูได้ไม่น้อย และเป็นบทเรียนให้กับหมอดูที่มีลักษณะการทำงานคล้ายๆ กับหมอกฤษฎ์ ที่เน้นไปที่การดูดวงให้ดาราหรือคนดังเป็นหลัก
       
       “หลังคดีนี้ถูกตัดสินออกมา อย่างน้อยที่สุดมันจะทำให้หมอดูเกิดความระมัดระวังในการทำงานมากขึ้น เพื่อจะไม่ไปดูดวงแล้วทำให้ผู้อื่นเกิดความเสียหาย...การดูดวงเนี่ยเป็นการเดา ไม่มีใครล่วงรู้อนาคตได้จริงแท้แน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์หรอก ดังนั้น การดูดวงของหมอดูจึงไม่ต่างจากการพูดลอยๆ ออกมาซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นเสียหาย”
       
       ทั้งนี้ทั้งนั้น ประมาณกล่าวเพิ่มเติมว่า หากหมอดูดูดวงให้กับดาราเป็นการส่วนตัว 2 คน แต่ไม่นำไปเผยแพร่หรือพูดป่าวประกาศให้บุคคลที่ 3 รับรู้ก็ไม่ถือว่าผิดกฎหมาย ขณะเดียวกัน หากหมอดูทำนายในเรื่องมงคลที่ไม่ได้สร้างความเสียหายให้กับดารา แล้วมีการนำไปเผยแพร่หรือพูดให้คนอื่นฟัง ก็ไม่ถือว่าผิดกฎหมาย หลังพูดเสร็จเขาปิดท้ายด้วยเสียงหัวเราะที่เป็นเอกลักษณ์ตามสไตล์ทนายอารมณ์ดี
       
       เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น ก็เป็นเครื่องสะท้อนให้เห็นถึงผลเสียของการอยากดังทางลัดของหมอดูรุ่นใหม่ๆ ได้เป็นอย่างดี ซึ่งถ้าใครดูแม่นและโชคดีไม่โดนฟ้องกลับก็ดังกันไป แต่ถ้าใครซวยทายไม่แม่นแล้วโดนดำเนินคดี ก็คงจะหักมุมชีวิตเข้าสู่จุดอับ กลายเป็นดาวดับแทนที่จะเป็นดาวเด่นอย่างที่วาดหวังเอาไว้
       
       ……….
       
       หัวอกคนดัง...ดวงใคร ใครก็หวง
       
       “ในความเห็นของหนู หนูมองว่าดาราก็ถือเป็นคนสาธารณะ มีหน้าที่ให้ความสุขให้ความบันเทิงกับผู้คน ดังนั้น ถ้าหมอดูจะดูดวงดาราแล้วเผยแพร่ตามสื่อ หนูก็คิดว่าเป็นเรื่องที่ทำได้ เพราะดาราเป็นคนของประชาชน แต่การดูดวงก็ต้องมีลิมิต มีขอบเขตที่เหมาะสมด้วย ถ้าดูแค่เรื่องความรัก เรื่องทั่วๆ ไปก็ได้ ไม่เป็นไร แต่ถ้าเรื่องอื่นๆ ที่มันเป็นเรื่องส่วนตัวมากๆ หรืออย่างการดูแล้วบอกว่าใครท้อง ไม่ท้อง แบบนี้ก็ไม่เหมาะ มันเป็นการละเมิดเรื่องส่วนตัวมากเกินไป”
       
       เป็นคำตอบอย่างตรงไปตรงมา ของ ม.ร.ว .แม้นนฤมาส ยุคล หรือ 'หญิงแม้น' เซเลบฯ สาวมั่นมาแรงคนหนึ่งของวงการบันเทิง ที่ครั้งหนึ่งเธอก็เคยมีประสบการณ์ถูกหมอดูทักว่าจะเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งแม้จะไม่เกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวที่ถึงขั้นทำให้เกิดความเสื่อมเสีย แต่เธอก็สะท้อนมุมมองกรณี 'หมอดูกับดารา' ได้น่าสนใจไม่น้อย
       
       “ปรกติ หนูเป็นคนไม่เชื่อหมอดูอยู่แล้ว เพราะหนูถือว่าทุกอย่างขึ้นอยู่ที่การกระทำของเรา ขึ้นอยู่กับตัวเราเอง แล้วถ้าถามหนูเกี่ยวกับอาชีพหมอดู หนูก็อยากให้หมอดูมีจรรยาบรรณ ไม่เอาดวงชะตาของเราไปดูโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต เพราะหนูก็เคยได้ยินมานะ ว่าดูดวงบ่อยๆ ก็ไม่ดี แล้วถ้าเขามาดูดวงของเราโดยที่ไม่ได้รับอนุญาตจากเรา มันก็ถือเป็นการละเมิดความเป็นส่วนตัวของเรา”
       

 
                                                                                     


                                                                               
                                                                                                                              

  Design by  Meemodo.com