'เปรตกู้ ' รีเทิร์น ตุ๋นสาว 3.2 แสน จนมุมกองปราบฯ

สดจากหนังสือพิมพ์ข่าวสด

1.โฉมหน้าเปรตกู้ปัจจุบัน 2.ป.แถลงจับ 3.ตร.โชว์คาถา 4.สมัยตั้งตนเป็นผู้วิเศษ

หากเอ่ยชื่อ นายกร ปัสโรบล หรือ นายกิตติ ประภัสโรบล ขึ้นมา หลายคนต้องส่ายหน้าพร้อมบอกว่าไม่รู้จัก

แต่สำหรับชื่อ 'อาจารย์กู้' หรือ 'เปรตกู้' เชื่อว่าคนในสังคมคงรู้จักดีทีเดียว

เพราะเคยตกเป็นข่าวครึกโครมมาเมื่อกว่า 10 ปีก่อน หลังจากใช้เดรัจฉานวิชาหลอกลวงผู้คน อวดอุตริมนุสธรรม ไม่ว่าจะเป็นบิณฑบาตต้นไม้กับรุกขเทวดา จนได้ข้าวมธุปายาส หรือถ่ายวิดีโอบันทึกภาพเปรตมาขอส่วนบุญ ได้ที่ป่าช้คำชะโนด อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี จนมีคนหลงกลตกเป็นเหยื่อหลายราย

จนกระทั่งถูกจับสึก ขาดจากความเป็นพระ และถูกดำเนินคดีข้อหาหลอกลวง

แต่พอเรื่องเงียบหาย 'เปรตกู้' ก็ก่ออิทธิฤทธิ์อีกจนได้

เมื่อถูกตำรวจกองปราบฯ บุกจับคาห้องพัก ฐานหลอกลวงต้มตุ๋นเหยื่อสาวไปกว่า 3.2 แสนบาท

เรื่องต้มตุ๋นครั้งนี้ปรากฏเป็นข่าว เมื่อพล.ต.ต.สุพิศาล ภักดี นฤนาถ ผบก.ป. แถลงข่าวที่กองปราบฯ เมื่อวันที่ 7 ก.ย. ที่ผ่านมา ถึงการจับกุม นายกร ปัสโรบล หรือ กิตติ หรือ 'อาจารย์กู้' หรือ 'เปรตกู้' อายุ 64 ปี อยู่บ้านเลขที่ 99/266 หมู่ 1 ต.ลำผักกูด อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี จับกุมได้ที่ชั้น 5 อาคารชลดา เลขที่ 40/59 หมู่ 2 ซ.แจ้งวัฒนะ 10 แขวงและเขตทุ่งสองห้อง

โดยตั้งข้อหาฉ้อโกงประชาชน หลังจากที่ น.ส.เกศรินทร์ เขจรจิตร อายุ 33 ปี เจ้าของร้านขายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์แห่งหนึ่ง เข้าแจ้งความว่าถูกนายกร หลอกลวงให้ทำพิธีเสริมดวงชะตา ต้องสูญเงินไปกว่า 3.2 แสนบาท

"ปลายปีที่แล้ว เกิดปัญหาในชีวิตหลายอย่าง เลยอยากหาหมอดูดูดวงชะตา จนมีเพื่อนมาแนะนำให้ไปหาอาจารย์กู้ โดยบอกว่าเป็นร่างทรงของพ่อปู่ฤๅษีตาไฟ และฤๅษีนารอด ดูดวงแม่นเหมือนตาเห็น จึงเดินทางไปหาที่ห้องพักย่านทุ่งสองห้อง" เจ้าทุกข์สาวให้การ

พร้อมบอกว่า "ก่อนหน้านี้ไม่เคยได้ยินคดีความต่างๆ ของอาจารย์กู้ หรือเปรตกู้เลย จึงไม่ได้เฉลียวใจว่าหมอดูที่จะไปพบนี้กลายเป็นพวก 18 มงกุฎ ยิ่งพอเห็นเขาแสดงอิทธิฤทธิ์ ดูดวงจนรู้ภูมิหลังทั้งที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน หรือสามารถเสกกระดาษให้เป็นเงินได้ ทำให้นับถือมากขึ้น"

เหยื่อตุ๋นเล่าอีกว่า "จากนั้นเขาก็บอกว่าดิฉันมีดวงชะตาด้าน เสี่ยงโชค สามารถทำให้ถูกลอตเตอรี่ได้ถึง 58 ล้านบาท แต่ต้องทำพิธีเสริมดวงที่วัดแห่งหนึ่ง ที่จ.ศรีสะเกษ ก็หลงเชื่อ ไปเข้าพิธีด้วยหลายครั้ง เสียค่าใช้จ่ายไปจำนวนมาก แต่ก็ไม่เห็นมีหนทางจะถูกรางวัลใหญ่ เขาก็บอกว่าพิธียังไม่ครบกระบวนการ"

"แต่หากอยากได้ด่วนก็ต้องหาทุนไปให้อาจารย์เล่นพนัน เพราะมีลูกศิษย์คนหนึ่งมาทำพิธี แล้วไปเล่นพนันได้เงินมา 65 ล้านบาท จึงตัดสินใจเอารถยนต์ไปเข้าไฟแนนซ์ โอนเงินไปให้เขา 1 แสนบาทเพื่อให้เป็นทุนเล่นพนัน แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เงินคืน จึงได้มาแจ้งความดำเนินคดี และมาทราบภายหลังว่านอกจากดิฉันแล้ว ยังมีเหยื่ออีกหลายรายที่เจอกรณีเดียวกันนี้" เจ้าทุกข์สาวให้การด้วยน้ำเสียงเจ็บแค้น

หลังถูกรวบตัว นายกร หรือ นายกิตติ เจ้าของฉายา 'เปรตกู้'ให้การด้วยน้ำเสียงละห้อยว่า "ผมไม่ได้หลอกลวงใคร แต่มีคนเข้ามาหาผม เพื่อขอให้ดูดวงชะตาให้ ผมเองก็มีวิชาทางด้านนี้อยู่ ก็ช่วยเหลือ ไม่เคยคิดเรียกร้องอะไร ที่บอกว่าผมไปหลอกเงินกว่า 3 แสนบาทนั้น ก็ไม่จริง ผมยืมเงินเขามาแค่ 9 หมื่นบาท แล้วก็จ่ายคืนไปหมดแล้ว มีหลักฐาน ส่วนเงินที่เหลือผู้เสียหายเขาจ่ายเอง ผมไม่ได้ไปเรียกร้องอะไร"

"หลังจากถูกจับเมื่อปีཧ ศาลตัดสินจำคุก 8 เดือน แล้วศาลปรานีให้รอลงอาญา เพราะไม่เคยทำความผิดมาก่อน แต่ก็เหมือนกับถูกสังคมลงโทษ ต้องขาดจากความเป็นพระ ต้องไปค้าขายรองเท้าเก่า ซีดี และต้นไม้ หาเงินเลี้ยงดูลูก แต่ชีวิตไม่ดีขึ้น ต้องถูกไล่ที่จากบ้านที่ปทุมธานี จนต้องมาอาศัยอยู่กับลูกศิษย์ที่ทุ่งสองห้อง และเรื่องนี้ผมขอสู้คดีให้ถึงที่สุด เพราะยืนยันว่าไม่ได้หลอกลวงใคร" เจ้าของฉายาเปรตกู้ เผย

สำหรับเรื่องของ 'เปรตกู้' นี้ เป็นคดีโด่งดัง เมื่อกองปราบฯ จับกุมในข้อหาหลอกลวงประชาชน และแต่งกายเลียนแบบสงฆ์ หลังไปทำพิธีในป่าช้าคำชะโนด อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี แสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์บิณฑบาตกับเทวดา รวมทั้งเผยแพร่ภาพเปรตขอส่วนบุญ จนสื่อมวลชนตั้งฉายา 'เปรตกู้' จนถึงทุกวันนี้

และมีผู้เสียหายหลายรายทยอยกันเข้าแจ้งความ และยังฮือฮาเข้าไปอีก เมื่อประกาศจะเสกดินให้เป็นทองกลางห้องประชุมกองปราบฯ ต่อหน้าพล.ต.ท.ล้วน ปานรศทิพ ผบช.ก.ในขณะนั้น เพื่อแก้ต่างว่าทำได้จริงและไม่ได้หลอกลวง แต่สุดท้ายก็บ้อท่า จนสุดท้ายศาลสั่งจำคุก 8 เดือน แต่ให้รอลงอาญา เพราะรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดี ประกอบกับไม่เคยทำความผิดมาก่อน

หายเงียบไปพักใหญ่ก็ออกมาก่อเหตุ จนถูกจับกุมอีกครั้ง!!!