ตำราพิชัยสงคราม
เป็นตำราพิชัยสงคราม แบบยุทธอาภรณ์ ตามตำนานเล่าสืบกันมาว่า ในสมัยพุทธกาล พระเจ้าปเสนทิโกศล ทำสงครามกับพระเจ้าอชาติศัตรู อำมาตย์ของพระเจ้าปเสนทิโกศล ได้ฟังการสนทนาของพระติสสภิกษุ กับบรรดาพระเถระทั้งหลาย ในเรื่องนี้ จึงได้นำความไปกราบทูลพระเจ้าปเสนทิโกศล พระองค์จึงได้ตั้งเป็นตำราตั้งแต่นั้นมา ว่าดังนี้
สิทธิการิยะ ถ้าจะยาตราพยุหโยค ท่านให้พิจารณาดูวันดังนี้
ถ้าวัน ๑ ได้ครุฑนาม ให้ประดับอาภรณ์สีแดง มือถือธนู แล้วเอาน้ำใส่ศีรษะ คอยฟังเสียงปี่และเสียงไก่ขัน เป็นฤกษ์สกุณสังหาร แล้วให้เร่งเบิกพล โห่ร้องเอาชัย ถ้ายาตราวัน ๒ ได้พยัคฆนาม ให้ประดับอาภรณ์ด้วยสีขาว ถือดาบและเขนเป็นอาวุธ แล้วนอนเสียหน่อยหนึ่ง เอานิมิตรเสียงดุริยดนตรี เป็นสกุณสังหาร เร่งเบิกพล โห่ร้องเอาชัย แล ถ้ายาตราวัน ๓ ได้สีหนาม ประดับเครื่องอาภรณ์สีชมพู ถือดาบเป็นอาวุธ แล้วกินน้ำอ้อยเสียก่อน เอานิมิตรเสียงสุนัขเห่าหอน เป็นสกุณสังหาร เร่งเบิกพลยาตราทัพ โห่ร้องเอาชัย แล ถ้ายาตราวัน ๔ ได้สุนัขนาม กินอาหารเสียก่อนแล้วประดับอาภรณ์สีเขียวใบตองอ่อน มือถือดาบ คอยนิมิตรเสียงแตรสังข์ เป็นสกุณสังหาร เร่งเบิกพล โห่ร้องเอาชัย และ ถ้ายาตราวัน ๕ ได้มุสิกนาม ให้กลั้นใจเอานิ้วกลางกับนิ้วหัวแม่มือ หยิบเอาเถ้ากลางเตาไฟเจิมหน้าเสียก่อน แล้วประดับอาภรณ์สีเมฆสีหมอก มือถือหอกอันคมกล้า เมื่อได้เห็นคิชฌปักษี และนกหมู่ใหญ่บินมา ให้ถือเป็นสกุณสังหาร เร่งเบิกพลโห่ร้องเอาชัย แล ถ้ายาตราวัน ๖ ได้อัชชนาม ให้ทาเครื่องหอมเสียก่อน แล้วประดับอาภรณ์เลื่อมประภัสสร ถือธนูเป็นอาวุธ คอยนิมิตรเสียงดนตรีขับร้องเป็นสกุณสังหาร เร่งเบิกพลโห่ร้องเอาชัย แล ถ้ายาตราวัน ๗ ได้นาคนาม ประดับอาภรณ์สีดำ ถืออาวุธต่าง ๆ แล้วให้ทำอาการขึ้งโกรธ คอยดูกา และนกดุเหว่า เป็นสกุณสังหาร เร่งเบิกพลให้โห่ร้องเอาชัย วัน ๑ ยามจันทร์ กาละไท ตกทิศอุดร ให้ยกเข้าตีข้าศึก ได้เมื่อมโหสถชนะท้าวจุลนี แล วัน ๑ ยาม ๗ กาละไท ตกทิศอาคเณย์ ให้เขาเป็นฝ่ายรุก เราเป็นฝ่ายรับ ได้เมื่อมโหสถชนะแก่อาจารย์เถวัฏ แล วัน ๑ ยาม ๓ กาละไท ตกทิศอิสาน ยามนี้เร่งให้ยกเข้าต่อตีข้าศึก ได้เมื่อพระยาโปริสาท จับพระยาสุดโสมได้ ดีนัก แล วัน ๒ ยาม ๗ กาละไท ตกทิศหรดี ให้ข้าศึกยกมาตีเราก่อนจึงจะตีมีชัย ได้เมื่อพญาราชสีห์จับคชสาร แล วัน ๒ ยาม ๖ กาละไท ตกทิศอิสาน ให้เร่งรุกรบจะมีชัย ได้เมื่อนางนกไส้ เข้าพญาคชสารได้ ดีนัก แล วัน ๒ ยาม ๔ กาละไท ตกทิศทักษิณ ให้เร่งยกพลเข้าต่อตีข้าศึก จะมีชัย ได้เมื่อนายพรานโสอุดร ยิงพญาฉัตทันต์ แล วัน ๓ ยาม ๑ กาละไท ตกทิศทักษิณ ได้เมื่อพระโมคคัลลาน์ ทรมานพญานาคราช ให้เร่งระดมยกเข้าตีเถิด จะมีชัยชนะ แล วัน ๓ ยาม ๒ กาละไท ตกทิศหรดี ยามนี้ให้ตั้งมั่นไว้ก่อน อย่าได้ออกรบเลย ถ้าขืนยกออกรบ จะแพ้แก่ข้าศึก ได้เมื่อพญามารยามาแย่งรัตนบัลลังก์ แล วัน ๓ ยาม ๖ กาละไท ตกทิศอุดร ให้เร่งรบเถิด จะมีชัยชนะแล ได้เมื่อพระพุทธเจ้า ชนะพญามาร แล วัน ๔ ยาม ๗ กาละไท ตกทิศประจิม ให้เร่งรบ จะมีชัยชนะ ได้เมื่อนกหัสดินทร จับคชสารไปกิน แล วัน ๔ ยาม ๕ กาละไท ตกทิศอิสาน ให้เร่งออกรบ จะมีชัยชนะ ได้เมื่อพญาทรพีฆ่าพ่อ วัน ๔ ยาม ๓ กาละไท ตกทิศทักษิณ อย่าออกรบ จะเสียแม่ทัพ และนายทหารได้เมื่อทรพาตาย แล วัน ๕ ยาม ๑ กาละไท ตกทิศบูรพา ให้เร่งรบจะมีชัย ได้เมื่อพระอินทร์มีชัยชนะแก่ท้าวอสูร แล วัน ๕ ยาม ๗ กาละไท ตกทิศประจิม อย่ายกไป ได้เมื่อนางอัศวมุขีจับเอาพราหมณ์ไปได้ แล วัน ๕ ยาม ๕ กาละไท ตกทิศอิสาน ยามนี้ให้เร่งรบเถิด ถ้าจะถอยทัพก็ดี แลได้เมื่อสองพ่อลูกหนีนางอัศวมุขีไปได้ แล วัน ๖ ยาม ๔ กาละไท ตกทิศอิสาน ให้เร่งรบเถิด ถ้าถอยทัพก็ดี แล วัน ๖ ยาม ๒ กาละไท ตกทิศทักษิณ ดีร้ายเท่ากัน พิเคราะห์ดูให้แน่ ถ้าเห็นดีจึงจะให้ยกเข้าตี ถ้าเห็นร้าย อย่ายกไปเลย ได้เมื่อวิชาธรได้นาง แล วัน ๖ ยาม ๗ กาละไท ตกทิศพายัพ ได้เมื่อท้าววิเทหราช ได้นางปัญจาลจันที ยามนี้ให้ยกไปตั้งมั่นรอไว้ก่อน ถ้าข้าศึกยกมาก็แพ้เรา แล วัน ๗ ยาม ๔ กาละไท ตกทิศบูรพา ได้เมื่อพญาฉัตรทันต์ตาย อย่าออกรบเลย วัน ๗ ยาม ๗ กาละไท ตกทิศอุดร ได้เมื่อห่าลงเมืองไพศาลี ยามนี้ห้ามมิให้ออกรบ จะเสียรี้พล และสรรพอาวุธยุทธภัณฑ์ทั้งปวง แล
|